น้ำตาลเทียม หรือ แอสปาร์แตม มาพร้อมกับผลข้างเคียงสุขภาพ ควรรับประทานตามความเหมาะสม
สารให้ความหวานที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ประเภทไม่มีน้ำตาล หรือคนมักซื้อมาเติมความหวานให้อาหารและเครื่องดื่ม ก็คือ แอสปาร์แตม หรือ น้ำตาลเทียม ที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน และสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คุณคิด
แอสปาร์แตม คืออะไร
วัตถุให้ความหวาน ไม่มีพลังงาน ส่วนใหญ่ใช้ในการประกอบของอาหารและเครื่องดื่ม มีส่วนประกอบมาจาก กรดฟีนิลอะลานีน และ แอสปาร์ติก เป็นกรดอะมิโนตามธรรมชาติผสมกับเมทิลเอสเทอร์ (Methyl Ester) เข้าสู่ร่างกายแล้วจะย่อยสลายเป็นเมทานอล (Methanol) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หากร่างกายได้รับเมทานอลในปริมาณมากเกินไปก็อาจเป็นพิษได้ เพราะเมทานอลอาจเปลี่ยนเป็นสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ
การบริโภคแอสปาร์แตม มีผลข้างเคียงอะไรไหม?
สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society) กล่าวว่า แอสปาร์แตมนั้นหวานกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 200 เท่า ฉะนั้น ร่างกายจึงควรได้รับในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยปริมาณที่แนะนำต่อวัน ได้แก่
- ไม่ควรเกิน 50 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (European Food Safety Authority หรือ EFSA) แนะนำว่า ไม่ควรเกิน 40 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ของแอสปาร์แตมโดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ก็พบว่าผู้ที่มีโรคเรื้อรังบางประการ อาจต้องเลี่ยงแอสปาร์แตม เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว หรือ ทำให้อาการแย่ลงได้
โรคเรื้อรังที่ควรเลี่ยงแอสปาร์แตม
- เนื้องอกในสมอง
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง หรือโรคเอ็มเอส (Multiple Sclerosis)
- โรคลมชัก
- กลุ่มอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง
- โรคพาร์กินสัน
- โรคอัลไซเมอร์
- ภาวะปัญญาอ่อน
- โรคเบาหวาน
โรคฟินิลคีโตนูเรีย ยิ่งต้องห้ามบริโภคแอสปาร์แตม หรือน้ำตาลเทียมนี่เด็ดขาด เพราะร่างกายจะไม่สามารถเผาผลาญฟีนิลอะลานีนซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนประกอบหลักของแอสปาร์แตมได้
อาหาร Sugar-free ก็อาจมีแอสปาร์แตม
อาหารทุกชนิดทีร่ระบุว่า Sugar-free หรือ ไม่มีน้ำตาล นั่นหมายถึง อาหารและเครื่องดื่มนั้นๆ ไม่ได้เติมน้ำตาล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้เติมสารให้ความหวานชนิดอื่นๆ และแอสปาร์แตมก็เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่นิยมนำมาใช้ คุณจึงสามารถพบแอสปาร์แตมได้ในอาหารและเครื่องดื่มแบบไม่มีน้ำตาลต่างๆ มากมาย เช่น
- น้ำอัดลมแบบไดเอท
- ไอศกรีมแบบไม่มีน้ำตาล
- น้ำผลไม้แคลอรี่ต่ำ
- หมากฝรั่งไม่มีน้ำตาล
- โยเกิร์ตไม่เติมน้ำตาล
- ลูกอมไม่มีน้ำตาล
ติดหวาน ใช้อะไรแทนแอสปาร์แตมดี
หากคุณอยากเพิ่มความหวานให้กับเครื่องดื่มหรืออาหารที่รับประทาน เราแนะนำให้คุณใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความหวานจากธรรมชาติเหล่านี้ แทนแอสปาร์แตม
- น้ำผึ้ง
- น้ำเชื่อมเมเปิ้ล หรือเมเปิ้ลไซรัป
- น้ำผลไม้คั้นสด
- หญ้าหวาน
- แบล็กสแตรป
- โมลาส (Blackstrap molasses) หรือกากน้ำตาลที่มีปริมาณน้ำตาลประมาณ 50-60%
ถึงเป็นวัตถุความหวานที่มาจากธรรมชาติ ควรบริโภคในปริมาณที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย เช่น น้ำผึ้ง ควรกินวันละประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ไม่เกิน 5 ช้อนโต๊ะต่อวัน จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาลเกิน และน้ำหนักเกิน สารให้ความหวานส่วนใหญ่มักมีปริมาณแคลอรี่สูง
ติดตาม ข่าวกีฬา ความรู้รอบตัว ขอบคุณ sanook